วิทยาศาสตร์เพื่อการดูแลผิว
เราสามารถทำความเข้าใจในวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผิวและการดูแลผิวที่เหมาะสมได้ดีที่สุดโดยการเรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคและสรีรวิทยาของผิวหนัง มาเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของผิวหนังและโปรตีนที่สำคัญต่าง ๆ ของผิวเพื่อให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับวิธีการดูแลผิวของคุณ
ชั้นของผิวหนัง
ผิวหนังของคุณประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 3 ชั้นคือ ชั้นหนังกำพร้า, ชั้นหนังแท้ และชั้นใต้ผิวหนังเชื่อมต่อกันเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายคุณ
ผิวแต่ละชั้นมีบทบาทเฉพาะในการรักษาสภาวะสมดุลของร่างกาย ผิวหนังช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกาย, ปกป้องอวัยวะภายในที่บอบบาง และป้องกันไม่ให้เชื้อโรคและจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกาย
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชั้นของผิวหนังแต่ละชั้น, โครงสร้าง และหน้าที่ของผิวหนังได้ที่ เข้าใจโครงสร้างผิวของคุณ ทีละชั้น ทีละชั้น
ความชุ่มชื้น
การกักเก็บน้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมีสุขภาพผิวที่ดีและสดใส ผิวแห้งทำให้ผิวแลดูหยาบกร้านและไม่เรียบเนียน อีกทั้งอาจทำให้เกิดแผลได้เมื่อผิวของคุณแตกและหลุดออก การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารInternational Wound Journal เน้นถึงความสำคัญของการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเป็นประจำทุกวัน การเติมความชุ่มชื้นให้กับผิววันละ 2 ครั้งแสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยลดการฉีกขาดของผิวได้เกือบ 50% ในผู้ป่วยสูงอายุที่พำนักอยู่ในที่พักที่มีการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในการอยู่อาศัย
มอยเจอร์ไรเซอร์จะมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผิวแห้งเมื่อส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์นั้นมีคุณสมบัติเป็นเสมือนน้ำมันธรรมชาติที่ผลิตโดยผิวของคุณ ซึ่งจะทำให้มอยเจอร์ไรเซอร์และผิวของคุณผสมผสานรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างดี มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้จะกักน้ำไว้ในผิวของคุณและให้ความชุ่มชื้นที่เหมาะสม น้ำมันจากพืชเป็นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแห้ง
คอลลาเจนและอีลาสติน
ผิวของคุณประกอบด้วยโครงข่ายของเส้นใยและโปรตีนที่ซับซ้อนซึ่งทำให้โครงสร้างของผิวแข็งแรง คอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโปรตีน 2 ชนิดของโปรตีนที่สำคัญเหล่านี้
คอลลาเจนทำให้ผิวของคุณมีความแข็งแรง การผลิตคอลลาเจนในผิวจะลดลงเมื่อคุณมีอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการลดลงของคอลลาเจนนี้อาจนำไปสู่สัญญาณแห่งวัยที่เห็นได้ชัด เช่น ผิวที่ไม่เต่งตึง หมองคล้ำ และริ้วรอยเหี่ยวย่น โปรตีนคอลลาเจนหลายชนิดมีอยู่ในผิวหนังของคุณและแต่ละชนิดมีหน้าที่ต่างกัน
ในบริเวณช่องว่างที่เชื่อมระหว่างผิวชั้นหนังแท้กับชั้นหนังกำพร้า (dermal-epidermal junction (DEJ)) มีคอลลาเจนเป็นแกนโครงสร้างเพื่อให้เซลล์ต่างๆ เชื่อมโยงเข้าด้วยกันและยึดติดกันเป็นรูปร่างที่เหมาะสม ผิวที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นจะมีปริมาณคอลลาเจนในบริเวณ DEJ น้อยและการขาดความคงตัวของบริเวณนั้นอาจทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น
อีลาสตินเป็นโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในโครงสร้างของผิวหนัง อีลาสตินทำให้ผิวคืนตัวและมีความยืดหยุ่น การลดลงของการผลิตอีลาสตินจึงทำให้ผิวหย่อนคล้อย
แม้ว่าอิลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อันตรายของแสงจากดวงอาทิตย์ที่มีต่อโปรตีนนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย การเผชิญกับรังสี UV เป็นปัจจัยที่ทำให้โปรตีนอิลาสตินแข็งและขดตัว ซึ่งยับยั้งความสามารถของผิวในการคืนตัวกลับเข้าสู่รูปเดิม การถูกทำลายจากแสงแดดเป็นระยะเวลานานทำให้โปรตีนอีลาสตินสูญเสียความยืดหยุ่นและไม่สามารถค้ำจุนโครงสร้างของผิวได้
ครีมบำรุงผิวที่ช่วยลดริ้วรอยมักมีส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน และ/หรือ อีลาสติน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยลดการถูกทำลายที่เกิดจากอายุและแสงแดดเพื่อลดสัญญาณแห่งวัยที่เห็นได้ชัด เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น การใช้ครีมบำรุงผิวเหล่านี้ร่วมกับครีมกันแดดจะช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผิวหนังและอายุที่เพิ่มขึ้น
ผิวของคุณจะเปลี่ยนไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมสามารถช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นจากหลายสาเหตุได้ ความชราของผิวหนังเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยภายในร่างกาย (intrinsic aging) และปัจจัยภายนอก (extrinsic aging) โปรแกรมการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพจะมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยทั้งสองประเภทนี้
ปัจจัยภายในร่างกายที่มีผลต่อความชราของผิว เช่น ความแตกต่างของภูมิหลังทางพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ส่วนปัจจัยภายนอกโดยทั่วไปหมายถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มาจากภายนอกร่างกาย ซึ่งรวมถึงการสูบบุหรี่, การเผชิญกับแสงแดด และโภชนาการที่ไม่ดี การเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก่อนวัยอันควร 80% มีสาเหตุมาจากผิวไหม้จากแสงแดด ซึ่งปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวก่อนวัยอันควรนี้ส่วนใหญ่แล้วสามารถป้องกันได้
วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวคือสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารที่คุณรับประทาน ผลเบอร์รี่, น้ำมันทีทรี (Tea-tree oil), ชาเขียว และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเป็นตัวอย่างบางชนิดของสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถพบได้ในอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สารต้านอนุมูลอิสระต่อสู้กับผลร้ายจากแสงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นกับเซลล์ผิว และช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์ สารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงแค่มีความสำคัญต่อผิวของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาสมองและร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย
บทสรุป
การทำความเข้าใจในสิ่งที่อยู่เบื้องหลังโครงสร้างและการทำงานของผิวสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณได้อย่างชาญฉลาด การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์คุณภาพดีและการพยายามลดการถูกทำลายของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวของคุณสามารถช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีขึ้นและลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ นอกจากนี้การขจัดปัจจัยภายนอกในชีวิตประจำวันที่มีผลต่อความชราของผิวสามารถช่วยส่งเสริมให้ผิวของคุณมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- Baumann, L. “Skin ageing and its treatment.” The Journal of Pathology 211.2 (2007): 241-51.
- Carville, Kerlyn, Gavin Leslie, Rebecca Osseiran-Moisson, Nelly Newall, and Gill Lewin. “The effectiveness of a twice-daily skin-moisturizing regimen for reducing the incidence of skin tears.” International Wound Journal 11.4 (2014): 446-53.
- Obagi, Suzan. “Why does skin wrinkle with age? What is the best way to slow or prevent this process?” Scientific American. N.p., n.d. Web. 28 July 2017.
- “The layers of your skin.” American Academy of Dermatology, n.d. Web 28 July 2017.